ภาพครอบตัด

โครงการด้านสิ่งแวดล้อม

โครงการลดการใช้พลังงานจากการขนส่งถ่านหินในอินโดนีเซีย

เพื่อสอบตนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ในบางครั้งบริษัทฯ จำเป็นต้องผสมถ่านหินของบริษัทฯ กับถ่านหินที่จัดหาจากบุคคลที่สามที่มีค่าความร้อนต่ำ อย่างไรก็ตามถ่านหินประเภทนี้มักก่อให้เกิดการอุดตันภายในระบบสายพานขนส่งถ่านหินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน ส่งผลให้การลำเลียงถ่านหินต้องหยุดชะงักเพื่อการทำความสะอาด ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาการอุดตันใช้วิธีการฉีดน้ำแรงดันสูงด้วยแรงงานคน ทำให้ขีดความสามารถในการดำเนินการมีข้อจำกัด<br>​<br>เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน ท่าเรือบอนตังในอินโดนีเซียได้พัฒนานวัตกรรมการติดตั้งระบบปืนอัดอากาศเพื่อเป่าถ่านหินที่สะสมแบบอัตโนมัติ โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม 2565 มีผลการดำเนินงาน ดังนี้<br>• 80% reduction in delays and cleanup times due to chute blockages​<br>• 5% increase in gross loading rate​<br>• Annual reduction in energy consumption by approximately 538 MWh, leading to a decrease in GHG emissions of around 125 tCO2e per year.​<br><br>ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงประสิทธิผลของระบบปืนลมในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานพร้อมทั้งบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ดูเพิ่มเติม

การประเมินความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ

บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำในแต่ละพื้นที่ตั้งหน่วยธุรกิจ (Water-stressed area) เป็นประจำทุกปีด้วยเครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของ World Resource Institute เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละพื้นที่และสามารถปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้น้ำเป็นไปอย่างยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม

ดูเพิ่มเติม

บัญชีแดงของ IUCN

บริษัทจะระบุชนิดของสิ่งมีชีวิตที่อาจอาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการเป็นประจำทุกปี ควบคู่ไปกับการประเมินระดับภัยคุกคามที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาจเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ้างอิงถึงบัญชีแดงของ IUCN ข้อมูลนี้เป็นพื้นฐานสำหรับการกำหนดกลยุทธ์ที่มุ่งลดผลกระทบของการดำเนินงานต่อสัตว์ป่าและระบบนิเวศในท้องถิ่นให้น้อยที่สุด

ดูเพิ่มเติม

โครงการ Pad of the Future

BKV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐฯ ได้ริเริ่มโครงการ Pad of the Future ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของแหล่งก๊าซ NEPA และ Barnett โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 โดย BKV ลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านยุทธศาสตร์ 4 ด้านหลัก ได้แก่<br>• การเปลี่ยนตัวควบคุมจากเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติไปใช้ระบบอัดอากาศ (Pneumatic conversion) ในฐานผลิตที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลัก<br><br>• การเปลี่ยนหลุมเจาะเป็นระบบไฟฟ้าในฐานผลิตที่สามารถดำเนินการได้ และเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์<br><br>• การควบรวมฐานการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเครื่องจักรในฐานผลิตที่มีอายุการใช้งานยาวนาน<br><br>• การลดการเก็บของเหลวควบแน่นและน้ำมันในฐานผลิตให้น้อยที่สุด โดยการขนส่งของเหลวดังกล่าวไปบริหารจัดการที่สถานีกลาง<br><br>ด้วยเงินลงทุนคาดการณ์ประมาณ 35-40 ล้านเหรียญสหรัฐ BKV คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับปรุงหลุมเจาะมากกว่า 6,000 แห่งแล้วเสร็จ ภายในปี 2568 ทั้งนี้นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ BKV สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 515,000 ตัน CO2e ในปี 2566 และคาดว่าจะลดได้ถึง 777,000 ตัน CO2e ภายในปี 2568

ดูเพิ่มเติม

แพลตฟอร์มดิจิทัล GREENCODE

ITM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย ประสบปัญหาด้านความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลการกักเก็บคาร์บอน (Carbon stock data) จากกระบวนการฟื้นฟูพื้นที่เหมือง เนื่องจากการเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินการด้วยคนและขาดมาตรฐานอ้างอิง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล<br><br>เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ITM ได้ริเริ่มโครงการ GREENCODE ซึ่งเป็นทั้งระบบจัดเก็บข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนและระบบแสดงผลข้อมูล ที่ออกแบบมาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ โครงการนี้เริ่มดำเนินการที่เหมืองเอมบาลุตและเหมืองโจ-ร่ง<br><br>การนำ GREENCODE มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการติดตามความคืบหน้าของการฟื้นฟูพื้นที่เหมือง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแก่พนักงาน ทั้งนี้จากการดำเนินโครงการ ITM สามารถลดระยะเวลาในการปรับปรุงข้อมูลการกักเก็บคาร์บอน คิดเป็นมูลค่า 36,746 เหรียญสหรัฐต่อปี รวมทั้งยังช่วยลดภาระภาษีคาร์บอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้มั่นใจว่าการฟื้นฟูเหมืองเป็นไปตามข้อกำหนดของภาครัฐ

ดูเพิ่มเติม

การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำในประเทศจีน

ที่โรงไฟฟ้า Zouping ในประเทศจีน บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญเนื่องจากการใช้น้ำปริมาณมากของน้ำที่ผ่านการแยกแร่ธาตุซึ่งใช้เป็นน้ำป้อนหม้อไอน้ำ ประกอบกับแบคทีเรียจำนวนมากในน้ำดิบที่ไปอุดตันโมดูลเมมเบรน และลดความสามารถในการบำบัดน้ำลง 15%<br><br>เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ โจวผิงจึงริเริ่มโครงการปรับปรุงกระบวนการบำบัดน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของสารเคมีและการขยายช่องทางจ่ายน้ำ มีการวิจัยอย่างกว้างขวางเพื่อค้นหาสารเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการบำบัดน้ำเสีย และทางเลือกอื่นสำหรับระบบกำจัดฟลูออไรด์ <br><br>ความสำเร็จที่สำคัญจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ได้แก่:<br>· เพิ่มอัตราการฟื้นฟูระบบออสโมซิสย้อนกลับ (RO) จาก 70.5% เป็น 72.5%<br>· ขยายรอบการทำความสะอาดเครื่อง RO จาก 10 วันเป็น 50 วัน<br>· อายุการใช้งานของชิ้นส่วนเมมเบรนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 4 ปีเป็น 8 ปี<br>· ประหยัดน้ำป้อนหม้อไอน้ำได้ประมาณ 56,000 ตัน<br>· ประหยัดต้นทุนการดำเนินงานและการบำรุงรักษา 120,000 เหรียญสหรัฐ และต้นทุนอุปกรณ์กำจัดฟลูออไรด์เพิ่มเติม 370,000 เหรียญสหรัฐ

ดูเพิ่มเติม

การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการถ่านหินในอินโดนีเซีย

ที่ท่าเรือบอนตัง (BoCT) ในอินโดนีเซีย ปัญหาการรั่วไหลของถ่านหินระหว่างการขนถ่ายสินค้าลงเรือถือเป็นปัญหาสำคัญ ความท้าทายนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสะอาดของท่าเรือเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนโดยรอบและก่อให้เกิดต้นทุนการจัดการที่สำคัญ เพื่อเป็นการตอบสนอง BoCT จึงได้ริเริ่มโครงการ “นำถ่านหินที่รั่วไหลกลับมาใช้ใหม่” โดยการนำถ่านหินที่รั่วไหลกลับเข้าสู่กระบวนการขนส่ง<br><br>โครงการนี้เริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลอย่างครอบคลุมโดยใช้แอปพลิเคชันดิจิทัล ขั้นตอนการดำเนินการนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าถ่านหินที่รั่วไหลจะถูกรวมเข้ากับกระบวนการขนส่งอย่างระมัดระวัง วิธีการนี้นำไปสู่การลดการทิ้งถ่านหินที่รั่วไหล และอนุรักษ์ถ่านหินธรรมชาติได้ 4,386 ตันต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยลดการปล่อยฝุ่นและการปนเปื้อนในดินและน้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยลดการร้องเรียนของชุมชน ในด้านการเงิน โครงการนี้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยสร้างรายได้จากถ่านหินเพิ่มขึ้น 477,850 ดอลลาร์สหรัฐ และลดค่าใช้จ่ายในการจัดการถ่านหินที่รั่วไหลลง 15,052 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ดูเพิ่มเติม

การจัดการการแตกร้าวบนพื้นผิว

การทรุดตัวของเหมืองถือเป็นความท้าทายสำคัญในการทำเหมืองใต้ดิน ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังการทำเหมือง และอาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างและที่อยู่อาศัยใกล้เคียง กลยุทธ์ของบริษัทคือการนำแผนป้องกันและบรรเทาผลกระทบเชิงรุกมาใช้ แผนเหล่านี้พัฒนาขึ้นจากการประเมินความเสี่ยงจากการทรุดตัวของเหมืองอย่างละเอียดและการวิเคราะห์ผลกระทบพื้นผิว แผนการสกัดแร่ Point Hatteras เป็นพิมพ์เขียวที่ออกแบบมาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานเหมือง โดยมีเทคนิคการสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อนซึ่งจำลองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งเครือข่ายสถานีตรวจสอบที่มุ่งเน้นการติดตามความกว้างของรอยแตกบนพื้นผิว เพื่อป้องกันและหยุดยั้งการทรุดตัวก่อนที่จะเกินขีดจำกัดสูงสุดที่อนุญาต 

ดูเพิ่มเติม

การลดปริมาณของเสียฝังกลบโดยนำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในจีน

ในปี 2564 โรงไฟฟ้าพลังความร้อนประสบปัญหาต้นทุนการผลิตเนื่องจากราคาถ่านหินที่สูง<br>เพื่อก้าวข้ามความท้าท้ายที่เกิดขึ้น โรงไฟฟ้าโจวผิงได้มองหาโอกาสการใช้เชื้อเพลิงอื่น ๆ ที่ไม่ใช้ถ่านหินทดแทนในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งพบว่าคุณสมบัติและราคาของของเสียอุตสาหกรรมบางชนิด เช่น ถ่านกัมมันต์ (Activated carbon) ในพื้นที่โจวผิงเหมาะสมสำหรับการเผาเพื่อผลิตไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงทดแทนดังกล่าว ได้ถูกทดลองเพื่อหาประเภทของเสีย ปริมาณ และสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับหม้อต้มน้ำก่อนนำไปดำเนินการจริง และขยายไปสู่หน่วยอื่น ๆ<br><br>จากการขยายผลสู่การดำเนินการในปี 2565 พบว่า สามารถลดปริมาณถ่านกัมมันต์ซึ่งเป็นของเสียที่นำไปฝังกลบ 9,337 ตัน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและชุมชน จากการรับประกันความร้อน และการจ่ายไฟในภาวะราคาถ่านหินสูง นอกจากนี้ การใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวช่วยลดปริมาณการใช้ถ่านหิน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อถ่านหินและมีรายได้จากการขายเถ้าลอยที่เพิ่มขึ้น 5,775,468 เหรียญสหรัฐ

ดูเพิ่มเติม

การประเมินผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ

บริษัทฯ ดำเนินการประเมินผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพเป็นประจำทุกปี จากการประเมินในปี 2566 พบว่ามีเหมืองที่เปิดดำเนินการ 4 แห่ง และโครงการเหมืองอีก 1 แห่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินมูลค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพและจัดทำแผนการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพให้กับเหมืองและโครงการเหมืองดังกล่าว อีกทั้งยังขยายการดำเนินการประเมินมูลค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่เหมืองอีก 3 แห่งในออสเตรเลีย แม้ว่าเหมืองเหล่านี้จะไม่ได้มีความเสี่ยงในสร้างผลกระทบแต่อย่างใด

ดูเพิ่มเติม
เสนอความคิดเห็น